Saturday, June 15, 2013


ออกกำลังกายตอนไหนดี ?


บางตำราก็บอกว่า ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน บางตำราก็บอกว่า ตอนเย็น ?

วิทยาศาสตร์การแพทย์และการกีฬาต่างเห็นพ้องกันว่าการออกกำลังกายตอนเช้า ดีที่สุดโดยเฉพาะในรายที่ต้องการลดน้ำหนัก การออกกำลังไม่ว่าจะแบบแอโรบิคหรืออื่นใ...ด ก่อนอาหารเช้าจะมีผลเผาผลาญไขมันได้มากกว่าเวลาหลังอาหาร

เพราะหลังจากอดอาหารขณะนอนหลับมาหลายชั่วโมง ระดับน้ำตาลในเลือด และน้ำตาลที่สะสมตามกล้ามเนื้อและตับจะมีปริมสณต่ำที่สุด ดังนั้นพอออกกำลังกาย ร่างกายจะไปดึงไขมันที่สะสมออกมาเป็นแหล่งพลังงานทันที แต่หากคุณมีข้อจำกัดไม่สามารถออกกำลังในเวลาดังกล่าวได้ ก็ควรออกกำลังหลังทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2-3ชั่วโมง

มีการแพร่ความเชื่อว่าก่อนออกกำลังต้องทานอะไรเข้าไปเพื่อให้เป็นแหล่งพลังงาน นับได้ว่าผิดหลักการอย่างยิ่ง เพราะการออกกำลังครั้งนั้นจะไม่เกิดผลเผาผลาญไขมันส่วนเกินแต่อย่างใด เพราะร่างกายจะหันไปใช้น้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตที่เราเพิ่งทานหรือดื่มเข้าไปก่อนออกกำลังนั่นเอง ยิ่งหากว่าคุณทานหรือดื่มอาหารเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูงๆ ก็ปิดประตูไปเลยสำหรับการเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่คุณต้องการ

มีความจริงที่คุณควรทราบก็คือการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายอย่างเดียวนั้นประสบความสำเร็จน้อย

ในปี 2009 มีการตีพิมพ์รายงานการศึกษาใน วารสาร British Journal of Sports Medicine พบว่า ผลการลดน้ำหนักในคนอ้วน จำนวน 58 คนที่เข้าร่วมโปรแกรมออกกำลังแอโรบิคตลอด 12 สัปดาห์ เฉลี่ยลดได้ประมาณ 7 ปอนด์ ( ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค) แต่บางคนแทบไม่ลดเลยก็มี

ย้อนกลับไปดูผลการศึกษาของ University of Colorado School of Medicine โดยกลุ่มทดลองอาศัยภายในห้องที่ติดตั้งเครื่องวัดอัตราการเผาผลาญพลังงาน หลังจากการบริโภคอาหารประเภทไขมัน และคาร์โบไฮเดรตเปรียบเทียบกัน เพื่อศึกษาว่าการออกกำลังกายจะมีผลต่อเนื่องในการเผาผลาญไขมันระหว่างวันอย่างไร? ปรากฏว่าการออกกำลังไม่ได้เผาผลาญไขมันใดๆ นักวิจัยสรุปว่าการออกกำลังหนักๆจะมีผลไปดึงนำ้ตาลที่สะสมในกล้ามเนื้อและตับออกมาใช้งาน แต่ไม่ได้ดึงไขมันออกมาใช้งาน แต่หากออกกำลังเบาๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป กลับจะมีผลในการเผาผลาญไขมันได้ดีกว่า

ผลการวิจัยนี้สนับสนุนให้ควบคุมการบริโภคอาหารมิให้มีแคลอรี่ส่วนเกินร่วมกับการออกกำลังอย่างสมำ่เสมอ

อ่านมาอย่างนี้แล้วคนขี้เกียจออกกำลังอาจกระหยิ่มได้ใจ

แต่ขอย้ำว่าถึงแม้การออกกำลังกายจะมีผลลดน้ำหนักได้ไม่มากนัก แต่การออกกำลังนั้นมีคุณค่ามหาศาลต่อหัวใจ ความดันโลหิต ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื่อและไขข้อ ปรับสมดุลฮอร์โมนและสภาพจิตและอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

เรียบเรียงจากงานเขียนของ นายแพทย์ Andrew Weil, M.D.
 
 
Source: Wellness2012

Thursday, June 13, 2013

สารอาหารที่ช่วยสมานบาดแผลให้หายเร็วขึ้น



โปรตีน

มีอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม และผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ รวมถึงถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น

โปรตีนจะช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้เซลล์แต่ละเซลล์ประสานยึดติดเป็นเนื้อเดียวกัน
แนะนำให้รับประทานเพิ่มจากปริมาณเดิมที่เคยรับประทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะ


วิตามินซี

วิตามินซี ทำหน้าที่สร้างผนังของเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยมีความแข็งแรง และไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยในการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น จึงทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้น

วิตามินซีมีมากในผลไม้สดทุกชนิด พบมากในฝรั่ง มะละกอ ส้มต่างๆ
สำหรับผักที่มีวิตามินซีสสูง ได้แก่ บร็อคโคลี่ พริกหวานสีแดง
ปริมาณที่ควรรับประทาน 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน


ธาตุสังกะสี

ธาตุสังกะสีจะช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามินได้มากขึ้น กระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้น
ธาตุสังกะสีพบมากในเนื้อสัตว์ นม ไข่ ตับ ชีส ถั่วเหลือง

การดูแลบาดแผล หลังจากได้รับการรักษาบาดแผลโดยแพทย์แล้ว นอกจากความระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อของแผลตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว การเอาใจใส่เรื่องอาหารที่รับประทานในระหว่างฟื้นฟูบาดแผล ก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น อย่าละเลยเรื่องคุณค่าอาหารที่เหมาะสม
เพื่อช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูบาดแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น



สาระสุขภาพโดยเภสัชกรอุทัย